13.7.54

รถโดนกรีดยาง Give them a lesson !

รถโดนกรีดยาง

คำถามหนึ่งที่คนทั่วไปชอบถามเวลาเจอหน้า คือ ผมโกรธบ้างหรือไม่ ผมก็จะยิ้มๆ และตอบว่า เรายังเ็ป็นมุนษ์ยุปถชนธรรมดา ย่อมต้องมีความโกรธ แต่โชคดีไม่บ่อยนัก และเวลาโกรธส่วนใหญ่จะไม่แสดงออกทางกาย ทางวาจา ืคอ ความโกรธยังไ่ม่ล้นออกมาทางคำพูดและการกระทำ ยังพอควบคุมหรือมีสติเห็นทัน สวนใหญ่มักจะเห็นใจที่เดือดอยู่ปุดๆ จะุปุดมากปุดนอย ก็ขึ้นอยู่กับระดับของเหตุการณ์นั้นๆ

โชคดีที่ ระยะหลังๆ มานี่ ไม่ค่อยมีอาการปุดๆ ในใจเลย นานๆ จะเกิดสักที คนที่ จะสามารถทำให้ผมโกรธได้ต้องเป็นคนที่เก่งมากๆ เรียกว่าต้องเป็นครูสอนธรรมะระดับเทพเชียวละ

หลายปีก่อน มีเหตุการณ์หนึ่งที่เราได้ ‘เห็น’ ความโกรธชัดเจนทวงเขามาเยือนจตใจ บ่ายวันหนึ่งผมต้องไปงานศพกะทันหัน ไม่ได้ทราบก่อนล่วงหน้าจึงไม่ไดเ้ตรียมใส่ชุดดำ คนขับรถก็ลาพอดี จึงต้องขับรถกลับมาที่ทำงานเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไป ปกติทออฟฟิศมีที่จอดรถประจำ ปรากฏว่าวันนั้นมีคนอื่นมาจอดรถในที่ของผมเองและของบริษัทหมด วนรถอยู่นานพอสมควรเลยตัดสินใจจอดในที่ของคนอื่น เพราะเห็นว่าว่างๆ อยู่ คิดในใจว่าขออนญาตจอด สัก 10 นาที วิ่งไปเปลี่ยนเสื้อกลับมาคงไม่เป็นไร เจ้าของที่ คงยังไม่มา

พอเปลี่ยนเสื้อกลับมาที่รถ ปรากฏว่ามรถคันหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นเจ้าของที่จอดนั้น มาจอดขวางรถเราเอาไว้ แถมยังเข้าเกียร์ล็อคไว้อีกต่างหาก เลื่อนไม่ได้ ตอนแรกกะว่าจะวิ่งไปหายามให้ช่วยไปเชิญเจ้าของรถมาเลื่อนให้ แต่เกรงว่าจะไปงานศพไม่ทัน เลยตัดสินใจขึ้นรถแท็กซี่ไป

คืนนั้น กว่าจะสวดศพเสร็จ กว่าจะร่ำลาเจ้าภาพก็ดึกพอสมควร ผมก็นั่งรถแท็กซี่กลับไปที่บ้าน ลืมเรื่องรถไปเลย

เช้าวันรุ่งขึ้น ผมเดินมาที่รถซึ่งจอดเอาไว้เมื่อคืน ตาก็ต้องเบิกกว้างขึ้น เพราะยางรถแบนแต๊ดแต๋ติดพิ้น 2 ล้อเลย พอเห็นยางรถแบนเท่านั้น ความโกรธกวิ่งเข้ามาในใจอยางรวดเ็ร็วและรุนแรง เป็นอาการบางอย่างที่ไม่เคยเห็นอยู่ในใจ แตพอเรามีสติเขาไป ‘เห็น’ ความโกรธที่วิ่งเข้ามา ก็หายไปโดยฉับพลัน ความโกรธไม่มีเลย ใจกลับเป็นปกติ ซึ่งเป็นสิ่งที่แปลกมากกับตัวเอง สวนใหญ่จะโกรธกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งวัน แม้จะพยายามปลอบใจตัวเองว่า อย่าโกรธ อย่าโกรธ แต่พอเผลอแว๊บ ความโกรธก็จะวิ่งเขามาู่สู่ใจ แต่พอมีสติเข้าไปเห็นทันความโกรธเท่านั้น ความโกรธเงียบหายไป จำได้ว่าโกรธอยู่เพียง 3-5 วินาทีเท่านั้น เร็วมากๆ แล้วความโกรธก็หายไป ไม่รู้หายไปไหน ไม่กลับมาอีก สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ระหว่างที่ขึ้นลิฟท์จากชั้นที่จอดรถมาบนออฟฟิศ เราเกิดปัญญาบางอย่างที่ จะจัดการกับเหตุการณ์นี้ด้วยสติ เป็นปัญญาที่ ปกติตัวเองจะไม่สามารถคิดได้ขนาดนั้น มันเหมือนเป็นอาการสว่างวาบแล้วเกิดปัญญา ประมาณนั้น!

พอถึงออฟฟิศ ผมก็สั่งเลขาฯ ใหไปตรวจสอบว่า เจ้าของรถทะเบียนคนที่จอดรถขวางผมคือใคร แลวช่วยจัดดอกไม้ให้หน่อย เดี๋ยวจะเอาดอกไม้ไปใหเขา เลขาฯ ผมก็สงสยทำไมต้องเอาไปให้เขามากรีดยางรถผมแท้ๆ

ไม่ใช่แค่เลขาฯ เท่านั้นที่โกรธแทน พนักงานทั้งออฟฟิศโกรธกันหมด พนักงานวิ่งส่งเอกสารวิ่งมาเลย บอกว่านายๆ เดี๋ยวผมจะเอาไม้ไปทุบกระจกรถมันดีไหม ยามของอาคารก็วิ่งขึ้นมาบอกว่า คนที่กรีดยางรถผมเป็นฝรั่งเจ้าของบริษัททัวร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย เขาทำอย่างนี้มาหลายครั้งแล้ว โดนกันหมด ทั้งกรีดรถ กรีดยางรถ โดนกันประจำ เขาเป็นคนนิสัยแบบนี้

ผมบอกทุกคนว่า ใจเย็นๆ รถผมเอง ไม่เป็นไร ผมไม่เป็นไร อย่าโกรธนะ..

แล้วผมก็เอากระเช้าดอกไม้ขึ้นไปที่ออฟฟิศเขาซึ่งตลกมากเพราะอยู่ ตรงกันข้ามกับสำนักพิมพ์ดีเอ็มจีซึ่งผมเช่าไว้คนละชั้นกับออฟฟิศบริษัทประชาสัมพนธ์ คิดอยู่ในใจวา อืม..ออฟฟิศอยู่ ตรงข้ามกัน อยู่ชั้นเดียวกันแท้ๆ ยังมาทำกันขนาดนี้! ผมพยายามจะขอพบเขา แต่เขาไม่ออกมาพบ ส่งจีเอ็มคนไทยและพนักงาน 2-3 คนยืนทำาหน้าถมึงขึงขังกันอยู่หน้าออฟฟิศ แล้วถามผมว่าคณใช่ไหมจอดรถทับที่เจ้านายเขา โวยวายกันใหญ่ แตเขาคงไม่รู้ว่านายเขากรีดยางรถผม

ผมไม่ได้รับเชิญให้นั่ง และได้รับการยืนยันว่านายเขาไม่ออกมาพบแน่นอน ปล่อยให้ยืนถือดอกไม้อยู่ อย่างนั้น ผมยืนอยู่ สักพักหนึ่งเห็นว่าคณฝรั่งคนนั้นไม่ออกมาแน่ เลยอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดให้ลูกน้องเขาฟัง พอทุกคนได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มเปลี่ยนท่าที เชิญให้ผมนั่ง ดูเหมือนว่าตกใจที่ นาย
เขามากรีดยางรถเรา

ผมบอกว่าตั้งใจเอาดอกไม้มาขอโทษเจ้านายคุณ สำหรับสิ่งที่ ผมผิดพลาดในการจอดรถทับที่ของเขาเมื่อบ่ายวานนี้ แต่ผมีมเหตุจำเป็น คือ ต้องรีบไปงานศพ และที่จอดรถของผมและของบริษัทฯ มีรถจอดเต็มทั้งหมด และสิ่งที่อยากขอร้องคือเราอยู่ในตึกเดียวกันน่าจะพูดกันดีๆ ไม่น่าจะต้องมาทำอะไรแบบนี้ หากเขาไปทำกับคนอื่นคงเดือดร้อน แต่สำหรับผม ผมไม่เดือดร้อน มีคนคอยดูแลเอารถไปเปลี่ยนยางได้ อย่างไรก็ตาม ผมฝากคำขอโทษไปถึงนายคุณด้วย

พูดจบแค่นั้น ผมก็ขอตัวลงมาทำงาน ปรากฏว่าก่อนเที่ยงวันเดียวกัน เลขาฯ และทีมงานเฮกันลั่นออฟฟิศ เพราะได้รับตะกร้าผลไม้ใหญ่มากพร้อมแชมเปญยี่ห้อแพงจากฝรั่งคนนั้น (เสียดายไม่ดื่ม !) เลขาฯ หัวเราะมากกว่าคนอื่น เพราะสารภาพว่าไม่ได้สั่งดอกไม้ แต่ไปเอากระถางต้นไม้ในครัวมาผูกโบว์ โชคดีที่ มีฝีมือเลยออกมาสวยงามพอให้ผมถือไปมอบให้เขาได้ ลงทุน ไม่ถึงร้อยบาท แตได้รับกลับคืนมามากกว่าหลายเท่า

แต่สิ่งที่ผมถือว่าเป็นรางวัลแท้จริง คือข้อความในจดหมายที่แนบมา (อุตส่าห์ส่งสาส์นรัก Love Note มาด้วย) เขาบอกว่าทุกครั้งที่เขาได้ ‘สั่งสอน’ คนไทยที่ไม่มีระเบียบวินัย ชอบมาจอดรถในที่ของเขา และไปทำแบบนั้น จะรู้ึสึก ‘สะใจ’ เหมือนว่าได้ Give them a lesson! คือให้บทเรียนกับคนที่ไม่มีวินัยแบบนี้ ยิ่งมีการมาโวยวายกันมากเท่าไร เขายิ่งรู้สึกสะใจมากขึ้นว่าบทเรียนที่ให้ไปนั้นได้ผล ทำให้คนไทยสำนึก

แต่เขาบอกว่า ผมมาแปลกที่เอาดอกไม้มาขอโทษ แถมยังอธิบายเหตุผลด้วย และได้เห็นตัวอย่างว่า ผมก็ไม่โกรธที่มคนอื่นมาจอดรถทับที่ผม ทั้งที่สองบริษัทฯ ผมดูแล้วน่าจะมีที่จอดมากกวาบริษัทเขาบริษัทเดียว สรุปแลว เขารู้สึกสำนึกว่าไม่ควรทำเรื่องแบบนี้ เขารู้สึกไม่ดีและอยากขอโทษ เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่รู้สึกแบบนี้


ในย่อหน้าสุดท้าย เขาบอกวาในฐานะที่ผมทำบริษัทประชาสัมพันธ์ เขาก็เป็นบริษัททัวร์ชั้นนำ ขอมาเป็นลูกค้าได้หรือไม่ สรุปว่า จากการที่เราเจอเหตุการณ์แย่ๆ เราสามารถพลิกให้คนสำนึกได้ด้วยตนเอง และยังแถมมาเป็นลูกค้าอีก เป็นอานิสงส์ของสติจริงๆ

ผมไม่ได้รับเขามาเป็นลูกค้า ไม่ใช่ว่ากลัวจะโดนอะไรอีก แต่เผอิญตอนนั้นเรามีลูกค้าเต็มมืออยู่แล้ว และหลังจากนั้น เหตุการณ์การกรีดยางรถ กรีดรถรอบคันในที่จอดรถของอาคารก็ไม่มีอีกตอไป...

ใครชอบ ใครชัง ช่างเถิด ใครเชิด ใครชู ช่างเขา
ใครเบื่อ ใครบ่น ทนเอา ใจเรา ร่มเย็น เป็นพอ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Twitter Delicious Facebook Digg Stumbleupon Favorites More